วิดิทัศน์

วันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2553

เที่ยวงานประเพณีแข่งเรือพิมาย



งานประเพณีแข่งเรือพิมาย เป็นงานประเพณีที่ชาวอำเภอพิมายร่วมกันจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยจะจัดในวันเสาร์-อาทิตย์ สัปดาห์ที่ ๒ ของเดือนพฤศจิกายน งานนี้นอกจากจะมีการแข่งเรือของชาวบ้านจากหมู่บ้านต่าง ๆ ในอำเภอพิมายและอำเภอใกล้เคียงแล้ว ยังมีการตกแต่งเรือตามแบบเรือพระราชพิธี พร้อมประกวดการแห่เรือด้วย ซึ่งนับว่าเป็นงานที่น่าชมมาก

งานเบญจมาศบานในม่านหมอก



งานเบญจมาศบานในม่านหมอก "เบญจมาศ" เป็นไม้ตัดดอกที่มีมูลค่าการผลิตติดอันดับ 1 ใน 4 อันดับแรกของไม้ตัดดอกทั่วโลก โดยมีประเทศเนเธอร์แลนด์ โคลัมเบีย แอฟริกาใต้ สเปน อิสราเอล สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น เป็นประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก สำหรับในประเทศไทย มีแหล่งปลูกอยู่ที่เชียงใหม่ เชียงราย นนทบุรี สุราษฎร์ธานี สงขลา ยะลา อุบล-ราชธานี อุดรธานี ขอนแก่น หนองคาย และ นครราชสีมา โดยนิยมปลูกแบบดอกช่อมากกว่าแบบดอกเดี่ยว เนื่องจากดูแลรักษาง่ายกว่า สามารถผลิตได้คุณภาพดีในช่วงฤดูกาลผลิต คือ ตั้งแต่เดือนกันยายน ถึงมีนาคม แต่ผลผลิตที่ได้ก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค บางครั้งผลผลิตก็ไม่สม่ำเสมอ ผลผลิตไม่ต่อเนื่อง มีอายุการปักแจกันสั้น ปัจจุบัน ต.ไทยสามัคคี ที่ อ.วังน้ำเขียว มีกลุ่มไม้ดอกไม้ประดับ สามารถปลูกเบญจมาศได้ตลอดทั้งปีทั้งในฤดู และนอกฤดู มีพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้นมาก พันธุ์ที่ปลูกทั้งหมดมีมากกว่า 22 สายพันธุ์ ที่มีมากเช่นนั้นก็เพราะตลาดแต่ละที่มีรสนิยมแตกต่างกัน โดยพ่อค้าแม่ค้าจากที่ต่าง ๆ จะเดินทางมาที่นี่ มาบอกด้วยตนเองว่า ต้องการดอกแบบไหน สีอะไร ทางกลุ่มก็จะผลิตให้ได้ตรงตามความต้องการ


อบต. ไทยสามัคคี ร่วมกับ ทางอำเภอ วังน้ำเขียว จึงได้จัด งานเบญจมาศบานในม่านหมอก เป็นงานประจำปีที่สำคัญงานหนึ่ง โดยจะจัดราว กลางเดือน มกราคม ของทุก ๆ ปี โดยภายในงานจะมีการประกวดไม้ดอก ไม้ประดับ หลายชนิด โดยเฉพาะเบญจมาศ ประกวดผลผลิตทางการเกษตรอื่น ๆ มีการจัดนิทรรศการทางวิชาการ การตอบปัญหาให้แก่เกษตกร การนำชมแปลงปลูกเบญจมาศ และ ผลิตผลทางการเกษตรอื่น ๆ การออกร้านจำหน่ายผลิตผล ผลิตภัณฑ์แปรรูปต่าง ๆ มากมาย ตลอดงาน

ผลิตภัณฑ์ มีการจำหน่ายผลิตผลทางการเกษตร และ ผลิตผลทางการเกษตรแปรรูปมากมาย สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ รวมทั้งมีการจำหน่ายผักปลอดสารพิษ อาหารพื้นเมืองต่าง ๆ ตลอดงาน

การเดินทาง

ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304 สายนครราชสีมา-วังน้ำเขียว-ชลบุรี เป็นเส้นทางหลักที่ผ่านอำเภอวังน้ำเขียว และ ใช้ในการติดต่ออำเภอใกล้เคียง การเดินทางจากกรุงเทพ มายังฉะเชิงเทราก่อน ด้วยเส้นทางมอเตอร์เวย์ หรือ โดยถนนสุวินทวงษ์ก็ได้ แล้วใช้เส้นทาง ถนน 304 มุ่งสู่สี่แยกกบินทร์บุรี รวมประมาณ 180 กิโลเมตร จากแยกกบินทร์บุรีนี้ไปถึงวังน้ำเขียว อีก 60 กิโลเมตร เป็นเส้นทางลาดขึ้นเขาสวยงาม ถ้ามาจากจังหวัดนครราชสีมา ตามถนน 304 ผ่านอำเภอปักธงชัย ถึงอำเภอวังน้ำเขียว ระยะทางประมาณ 79 กิโลเมตร

วันเสาร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2553

เขาแผงม้า



เขาแผงม้า เคยเป็นป่าผืนเดียวกับเขาใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ สัตว์ป่านานาชนิดอาศัยอยู่อย่างชุกชุม เป็นต้นน้ำของลำห้วยหลายสาย ไหลรวมกันเป็น ลำพระเพลิง ก่อนลงสู่แม่น้ำมูล เป็นเส้นชีวิตหลัก ของผู้คนในแผ่นดินอีสาน ได้ใช้เป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้ ในการดำรงชีพมาหลายชั่วคน แต่นโยบายการพัฒนาอย่างเร่งรีบ โดยขาดการวางแผน โดยรอบครอบ ก่อให้เกิดการตัดถนนสายต่างๆ ทะลุกลางป่าเทือกเขาพนมดงรัก การสัมปทานป่าไม้ ทำให้ชาวบ้านจาก ที่ต่างๆ อพยพเข้ามาบุกเบิก หักร้างถางพง ล่าสัตว์ ตัดต้นไม้ ถือครองที่ดิน ในบริเวณเขาแผงม้ามากขึ้นสำทับด้วยการ เน้น การปลูกพืชเศรษฐกิจราคาสูง แต่เพียงอย่างเดียว พื้นดินจึงเสื่อมสภาพลง ด้วยปุ๋ยเคมี ผืนป่าที่เคยอุดมสมบูรณ์ จึงกลายสภาพ เป็นภูเขาหัวโล้น ต้นน้ำที่เคยชุ่มฉ่ำ กลับแห้งผาก ประกอบกับทุ่งหญ้าที่ขึ้นปกคลุม กลายเป็น เชื้อเพลิงอย่างดี ในหน้าแล้ง ไฟป่าโหมไหม้ ทั้งกลางวัน และกลางคืน จนผู้คนขนานนามว่า "ภูเขาไฟ"

จาก "ภูเขาไฟ" กลายเป็น "ทุ่งความหวัง มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทยฯ เสนอตัวเขาร่วมโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ บริเวณเขาแผงม้า เนื้อที่ 5,000 ไร่ โดยมีระยะเวลาตั้งแต่ พ.ศ. 2537 และขยายเวลาต่อเนื่องถึง ปี พ.ศ. 2545 มูลนิธิฯ ยึดกระแสพระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เป็นแนวทางในการปลูกป่า โดยคัดเลือกพันธุ์กล้าไม้ ที่มีสภาพแข็งแรง และมีขนาดโตพอ ไม่ปลูกเป็นแถวเป็นแนว แต่ให้ปลูกคละพันธุ์กันไป เริ่มจากบนเขา ลงสู่พื้นล่าง ไม่มีการเก็บริบสุมเผา ม่มีการตัดฟันไม้ท้องถิ่น ไม่ใช้ยาฆ่าแมลง และสารเคมีหลังจากการดำเนินงานปลูกป่าอย่างต่อเนื่อง โดยร่วมมือ กับชาวบ้านในท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด ลดการล่าสัตว์ ตัดไม้ รวมทั้งการเฝ้าระวังป้องกันไฟป่า อย่างเข้มงวด ทำให้สภาพเขาแผงม้า เริ้มฟื้นตัวจากภูเขาหัวโล้น กลายเป็นพื้นที่สีเขียวชะอุ่มตลอดทั้งปีแน่นขนัดไปด้วย ชนิดและจำนวน ของต้นไม้ที่ปลูก และที่มีอยู่เดิม เขาแผงม้าคืนสู่สภาพ เป็นป่าต้นน้ำ ที่หล่อเลี้ยง ลำห้วยและ สายน้ำลำพระเพลิง สัตว์ป่าหลายชนิด ได้เข้ามาอยู่อาศัยหากิน เช่น หมูป่า เก้ง กวาง ชะมด อีเห็น เสือปลา หมี กระรอก กระต่าย เป็นต้น

การกลับมาของกระทิงที่เขาแผงม้า เป็นปรากฏการณ์สำคัญ ที่ยืนยันถึงการฟื้นตัวของสภาพป่าเขาแผงม้าคือ การกลับมาของฝูงกระทิงป่า 4-10 ตัว ในช่วงฤดูฝนของ ปีพ.ศ.2538 มูลนิธิฯ ได้เฝ้าติดตามกระทิงฝูงนี้อย่างใกล้ชิด ศึกษาเส้นทางสร้างแหล่งอาหาร พร้อมกับการวางแผนป้องกัน การไล่ล่ากระทิง อย่างเข้มงวด ทำให้ฝูงกระทิงรู้สึกปลอดภัย และใช้เป็นที่อยู่อาศัย มีการผสมพันธุ์ และออกลูกออกหลาน ใหม่ๆ ทุกปี ปัจจุบันคาดว่า มีกระทิงที่เขาแผงม้า ประมาณ 50 ตัว มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าฯ จึงมีความหวังว่าด้วยการ มีส่วนร่วมของทุกฝ่าย โดยเฉพาะชุมชนท้องถิ่น พื้นที่เขาแผงม้าจะได้รับการดูแลรักษาสภาพป่า ให้ฟื้นตัวอย่างถาวร สัตว์ป่า ได้รับการคุ้มครอง และเป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติ สำหรับเยาวชนและผู้สนใจ ในงานอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโดยทั่วไป

วันเวลาที่แนะนำในการดูกระทิง กระทิงเขาแผงม้าสามารถไปเที่ยวชมได้ทุกวันตลอดทั้งปี ช่วงเวลาที่กระทิงออกหากินมักเป็นในช่วงเช้า 06.00 น. และเย็น 18.00 น. ตามคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่เขาแผงม้ากับผม

อุทยานแห่งชาติทับลาน


อุทยานแห่งชาติทับลาน เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีพื้นที่ส่วนหนึ่งอยู่ในเขตเทือกเขาพนมดงรัก สภาพภูมิประเทศโดยทั่วไปประกอบด้วยภูเขาใหญ่น้อยสลับซับซ้อนต่อเนื่องกัน เป็นบริเวณกว้างขวาง โดยมีเขาที่สำคัญหลายลูก เช่น เขาละมั่ง เขาภูสามง่าม เขาภูสูง เขาใหญ่ เขาวง เขาสลัดได เขาทิดสี เขาไม้ปล้อง เขาทับเจ็ก และเขาด่านงิ้ว ซึ่งยอดเขาละมั่งเป็นยอดเขาที่สูงสุด มีระดับความสูงประมาณ 992 เมตรจากระดับน้ำทะเล เป็นเทือกเขายาวต่อเนื่องกันทำให้มีหุบเขาตามธรรมชาติ เหว และน้ำตก เป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำหลายสาย เช่น ห้วยขมิ้น ห้วยปลาก้าง ห้วยคำแช ห้วยคำขี้แรด ห้วยมูลสามง่าม ห้วยภูหอม ห้วยกระทิง ห้วยลำเลย ห้วยกุดตาสี ห้วยลำดวน เป็นต้น ลำห้วยแต่ละสายไหลรวมกันเป็นแม่น้ำมูล ส่วนลำห้วยสวนน้ำหอม ห้วยหินยาว ห้วยชมพู ห้วยสาลิกา ห้วยวังมืด ห้วยลำไยใหญ่ ฯลฯ ลำห้วยเหล่านี้จะไหลรวมกันเป็นแม่น้ำบางปะกง

อุทยานแห่งชาติทับลาน ในช่วงฤดูลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม ความชุ่มชื้นจะถูกพัดมาจากทะเลอันดามันและอ่าวไทย จนทำให้พื้นที่บริเวณนี้ได้รับปริมาณน้ำฝนมาก เฉลี่ยตลอดปี 1,070 มิลลิเมตร ฝนจะตกชุกที่สุดในเดือนกันยายน ซึ่งเทือกเขาพนมดงรักจะปะทะลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้และทำให้ฝนตกในบริเวณด้าน รับลมมากกว่าด้านไม่รับลม ฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมากราคม อากาศจะหนาวเย็นมากในเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นเดือนที่มีค่าเฉลี่ยอุณหภูมิต่ำสุด 22.8 องศาเซลเซียส ฟดูร้อนเริ่มตั้งแต่กุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคม อากาศจะร้อนอบอ้าวมากในเดือนเมษายนซึ่งมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุด 29.3 องศาเซลเซียส สำหรับอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปี 26.7 องศาเซลเซียส

พืชพรรณและสัตว์ป่า
อุทยานแห่งชาติทับลาน มีสังคมพืชที่จัดเป็นป่าลุ่มต่ำที่มีความสมบูรณ์มากสามารถจำแนกได้ 4 ประเภท คือ ป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบชื้น และป่าดิบแล้ง จัดเป็นสังคมพืชที่มีการซ้อนทับกันของลักษระทางนิเวศของป่าภาคกลางและป่าภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ มีความหลากหลายของชนิดพันธุ์ไม้และสัตว์ป่าชุกชุม

อุทยานแห่งชาติทับลาน ป่าเต็งรัง ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลานมีสภาพเป็นป่าโปร่ง ขาดแคลนแหล่งน้ำ มีต้นไม้ขึ้นกระจัดกระจายทั่วพื้นที่และมักจะมีลำต้นเล็กและเตี้ย พืชพื้นล่างเป็นพวกหญ้าเพ็ก หญ้าคา และสาบเสือ พันธุ์ไม้ที่สำคัญ เช่น เต็ง รัง เหียง พลวง ฯลฯ

วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553

ชวนสัมผัสเส้นทางเที่ยวไร่องุ่น ปากช่อง วังน้ำเขียว



จากการทดลองนำพันธุ์องุ่นจากต่างประเทศ เข้ามาปลูกที่จังหวัดนครราชสีมาเมื่อเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา ผ่านประสบการณ์การเพาะปลูก การดูแล ด้วยความเอาใจใส่ ในสภาพภูมิประเทศ และภูมิอากาศแบบที่ราบสูงของอีสาน ปัจจุบันการปลูกองุ่นที่นี่ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ให้ผลผลิตที่มีคุณภาพ และสามารถนำมาผลิตเป็นไวน์รสเลิศ จนได้รับรางวัลการันตี จากการประกวดในระดับนานาชาติ

ไวน์ PIROM KHAOYAI RESERVE Tempranillo 2006 ของเขาใหญ่ไวน์เนอรี่ ที่ปากช่อง เคยได้รับรางวัล PLANET GOLD จากงาน AWC 2006 ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย นอกจากนี้ไวน์ Granmonte Flori Unfiered Syrah 2005 ของไร่องุ่นกราน-มอนเต้ ที่ปากช่อง ก็เคยได้รับรางวัล PLATINUM GOLD จากงาน WINE Style Asia Award 2007 ณ ประเทศสิงคโปร์มาแล้วเช่นกัน

อำเภอปากช่อง และอำเภอวังน้ำเขียว เป็นพื้นที่ที่ทำไร่องุ่นได้ผลดี เนื่องเป็นที่ราบสูงติดกับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีอากาศเย็นสบายแม้ในยามฤดูร้อน ในบริเวณนี้ มีการทำไร่องุ่นกันหลายแห่ง และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชม และซื้อหาผลองุ่นสด ผลิตภัณฑ์จากองุ่นเป็นของฝาก ซึ่งก็ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอันมาก การมาเที่ยวไร่องุ่นในช่วงฤดูร้อนนี้ จะตรงกับช่วงเวลาที่เรียกว่า วินเทจ (Vintage) หรือช่วงเวลาเก็บเกี่ยวองุ่น สำหรับนำมาทำไวน์ ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ไปจนหมดฤดูร้อน ตามเถาองุ่นที่ปลูกอยู่เป็นแถวเป็นแนวสุดสายตาในยามนี้ จะให้ผลผลิตเป็นพวงย้อย ห้อยระย้าอยู่เต็มต้น รอวันที่จะถูกทยอยเก็บเกี่ยว

นอกจากผู้มาเที่ยวจะได้ชื่นชมกับไร่องุ่น พร้อมสูดอากาศอันสดชื่นบริสุทธิ์แล้ว ในไร่องุ่นยังมีบริการร้านอาหาร ที่ท่านจะได้ลิ้มรสชาติอาหารสไตล์ตะวันตกและไวน์รสเลิศ รวมทั้งซื้อของฝากจากไร่องุ่น มีทั้งไวน์ และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อาทิ น้ำองุ่นสด คุกกี้องุ่น แยมองุ่น องุ่นกวน ฯลฯ อีกด้วย ไร่องุ่นบางแห่ง มีบริการทัวร์นำชมไร่องุ่น และให้ความรู้เกี่ยวกับการปลูก การเก็บเกี่ยว และกรรมวิธีการผลิตไวน์ โดยจะจัดทัวร์เฉพาะหมู่คณะที่ได้นัดหมายล่วงหน้า

จึงขอเชิญชวนท่าน ได้มาสัมผัสกับประสบการณ์ท่องเที่ยว กว่าจะมาเป็นไวน์ "เส้นทางของต้นองุ่น เส้นทางแห่งความภูมิใจ " ที่อำเภอปากช่องและอำเภอวังน้ำเขียว แล้วจะได้พบกับบรรยากาศการท่องเที่ยวที่แตกต่าง เหมือนกับได้ท่องเที่ยวในยุโรป ทั้ง ๆ ที่อยู่ที่ดินแดนภาคอีสานของเมืองไทยนี่เอง สอบถามข้อมูลเพิ่มได้ที่ ททท.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเขต 1 (นครราชสีมา) โทร. 044-213-030, 044-213-666

วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2553

เที่ยวเขื่อนลำตะคลอง


ลำตะคอง คือสายน้ำสำคัญเส้นหนึ่งของชาวโคราช หลังจากสร้างเขื่อนลำตะคอง เมื่อปีพ.ศ. 2512 แล้วจึงเกิดทะเลสาปกว้างใหญ่ที่งดงามโดยเฉพาะยามพระอาทิตย์อัสดงสะท้อนบนแผ่นน้ำ เขื่อนแห่งนี้เป็นเขื่อนดิน ที่สร้างขึ้นเพื่อกักเก็บน้ำสำหรับการเกษตร อุปโภค และบริโภค และลดความรุนแรงของอุทกภัย

ริมเขื่อนมีที่ให้นั่งหย่อนอารมณ์ และร้านอาหารท้องถิ่นประเภท ไก่ย่าง และส้มตำรสเด็ด หรือผู้ที่ขับยวดยานต์ผ่านไปบนถนนมิตรภาพ ก็สามารถชมวิวทิวทัศน์ของอ่างเก็บน้ำของเขื่อนลำตะคองได้เช่นกัน

สร้างเขื่อนปิดกั้นลำตะคอง ที่อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา เป็นเขื่อนดินสูง 40.30 เมตร สันเขื่อนยาว 521 เมตร เก็บน้ำได้ 310 ล้านลูกบาศก์เมตร สร้างพ.ศ. 2507 เสร็จพ.ศ. 2512 ใช้ประโยชน์สำหรับการเพาะปลูกในฤดูฝน 127,540 ไร่ และในฤดูแล้งอีก 50,000 ไร่ รวมทั้งใช้เพื่อการประปาในเขตอำเภอสีคิ้ว อำเภอโนนสูง อำเภอขามทะเลสอ และเขตเทศบาล นครราชสีมาเพื่อโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อบรรเทาอุกทกภัยในลุ่มน้ำลำตะคอง ลุ่มน้ำมูลให้ ลดน้อยลง

เขื่อน ลำตะคอง ตั้งอยู่ตำบลลาดบัวขาว ห่างจากตัวเมืองประมาณ ๖๒ กิโลเมตร มีทางแยกจากทางหลวงหมายเลข ๒ (นครราชสีมา-สระบุรี) บริเวณกิโลเมตรที่ ๑๙๖-๑๙๗ ประมาณ ๒ กิโลเมตร เป็นเขื่อนดินสร้างกั้นลำตะคองที่ช่องเขาเขื่อนลั่นและช่องเขาถ่านเสียดในปี พ.ศ. ๒๕๑๗ เพื่อนำน้ำเหนือเขื่อนมาใช้ประโยชน์ในด้านชลประทาน นักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวบนสันเขื่อนเพื่อชมทิวทัศน์ของอ่างเก็บน้ำ ซึ่งมีฉากหลังเป็นภูเขาสวยงามเหมาะสำหรับพักผ่อนในยามแดดร่มลมตก เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา ๐๖.๐๐ – ๑๘.๐๐ น

วิวทิวทัศน์ของเขื่อนลำตะคลอง






วันเสาร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2553

เที่ยวสวนเมืองพร



สวนเมืองพร แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรและอนุรักษ์ ตั้งอยู่ที่ ตำบลคลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา หลัก กม. ที่ 87 จากถนนมิตรภาพเข้ามาเพียง 400 เมตรแล้วเลี้ยวขวา จุดแรกที่นักท่องเที่ยวจะได้เห็นคือแปลงไม้ดอกไม้ประดับที่ จัดไว้อย่างเป็นระเบียบ สามารถเข็นรถเข็นที่ทางสวนมีไว้ให้บริการ เลือกหยิบและซื้อต้นไม้ได้ด้วยตนเอง ซึ่งเป็น เป็นการจัดในรูปแบบ " ซุปเปอร์มาเก็ตต้นไม้ "เป็นแห่งแรก ในปัจจุบันสวนเมืองพรนั้นได้รวบรวมพันธุ์ไม้ไว้มาก กว่า 400 สายพันธุ์ แยกประเภทเป็นไม้ดอกเมืองหนาว - ร้อน, ไม้ประดับ, ไม้ผล, ไม้ยืนต้น และไม้ไทย เนื่องจาก สวนเมืองพรนั้นทำเกษตรชีวภาพปลอดสารพิษโดยใช้จุรินทรีย์ จึงมีผู้สนใจเข้าดูงานเป็นจำนวนมาก




นอกเหนือจากที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น สิ่งหนึ่งที่พลาดไม่ได้เมื่อเดินทางมาท่องเที่ยวที่สวนเมืองพรคือการพักผ่อน นั่งทานอาหารและเครื่องดื่มในร้านอาหารคุณภาพระดับ " เชลล์ชวนชิม " โดยมีเมนูที่ประกอบขึ้นจากเนื้อนกกระจอกเทศ, กวางเลี้ยงรูซ่า, ปลาทับทิม สัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ซึ่งสวนเมืองพรเป็นผู้เปิดตลาดการบริโภค เป็นแห่งแรกในประเทศไทย พร้อมชมวิวอ่างเก็บน้ำลำตะคองที่สามารถทัศนาได้เป็นแนวกว้าง ตรงจุดนี้สื่อมวลชน ทั้งไทยและต่างประเทศได้ให้การยกย่องว่าเป็น " สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย " ชมพระอาทิตย์ตกดินลับสันเขาในยาม เย็น ซึ่งสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเป็นทัศนีย์ภาพที่งดงามมาก แสงจันทร์สาดส่องลงผิวน้ำทำให้เกิดเงาสะท้อน ประกายระยิบระยับในยามค่ำคืน ดื่มด่ำความสุขกับการบริโภคอาหาร, เครื่องดื่มภายใต้แสงเทียนอันเกิดจากผลของ การอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้า

ล่าสุด : สวนเมืองพรเปิดให้บริการที่พักในบรรยากาศรีสอร์ทชมวิวอ่างเก็บน้ำลำตะคองพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก
Air Condition , LCD TV, Cable Movie, Hi-speed internet WiFi, Swimming Pool, Shower with Hot / Cold water.
ซึ่งรายละเอีดเพิ่มเติมสามารถเข้าไปชมได้ที่ " รีสอร์ท "

วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2553

น้ำตกที่น่าเที่ยว

น้ำตกเหวนรก

น้ำตกเหวนรกเป็นน้ำตกที่เกิดจากคลองท่าด่าน น้ำตกเหวนรกเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นน้ำตกที่มีความสูงและสวยงามมากแห่งหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แต่เดิมก่อนที่จะมีการตัดถนนสายปราจีนบุรี-เขาใหญ่นั้น จะต้องเดินเท้าเข้ามาโดยใช้เวลาไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง แต่หลังจากตัดถนนสายปราจีนบุรี-เขาใหญ่เสร็จแล้ว ถนนตัดผ่านใกล้น้ำตกเหวนรกมาก โดยมีลานจอดรถห่างจากตัวน้ำตกเพียง 1 กิโลเมตรเท่านั้น ระหว่างทางสามารถเดินชมธรรมชาติอันสวยงามสองข้างทางได้ เมื่อถึงตัวน้ำตกจะมีบันไดลงไปอีกราว 50 เมตร ซึ่งค่อนข้างแคบและชัน แต่เมื่อลงไปถึงจุดชมวิวก็จะเห็นความยิ่งใหญ่อลังการของน้ำตกได้อย่างสวยงาม หากไปในฤดูฝนมีน้ำมาก ละอองน้ำจะกระเซ็นต้องกับแสงอาทิตย์เป็นสายรุ้งอย่างงดงาม แต่หากมาชมในหน้าแล้งนั้นอาจต้องผิดหวังเพราะไม่มีน้ำ เห็นแต่เพียงหน้าผาแห้งๆ เท่านั้น

ในความเป็นจริงแล้ว น้ำตกเหวนรกนั้นมีอยู่ 2 ชั้น ที่ได้ชมนี้เป็นชั้นที่ 1 โดยมีความสูงของตัวน้ำตกประมาณ 50 เมตร ส่วนชั้นที่ 2 นั้นอยู่ห่างออกไป ซึ่งชั้นที่สองนี้มีความสูงมากกว่าชั้นแรกเสียอีก เพียงแต่ไม่มีทางเดินเพื่อไปชมน้ำตกชั้นที่สอง ภาพถ่ายน้ำตกเหวนรกที่มีภาพชั้นที่สองด้วยมีแต่ที่เป็นภาพถ่ายทางอากาศเท่านั้น

ระหว่างทางเดินมายังน้ำตกเหวนรกนี้ จะสังเกตเห็นแนวคันปูนเป็นระยะ สร้างขึ้นเพื่อป้องกันช้างพลัดตกไปยังน้ำตก เนื่องจากในปี 2535 มีช้างโขลงหนึ่งจำนวน 8 ตัวหลงเข้ามาและถูกกระแสน้ำพัดตกลงไปตายหมด ทางอุทยานแห่งชาติจึงได้สร้างแนวป้องกันนี้ขึ้นมาเพื่อป้องกันอันตรายแก่ช้างป่ามิให้
เกิดขึ้นอีก

น้ำตกผากล้วยไม้

น้ำตกผากล้วยไม้เกิดจากห้วยลำตะคอง การเดินทางมาจะต้องจอดรถที่ลานกางเต๊นท์ผากล้วยไม้ แล้วเดินเท้าเลาะไปตามห้วยลำตะคอง ผ่านป่าดงดิบตลอดทาง หากโชคดีอาจพบนกบางชนิด เช่น นกกางเขนหลังเทา เมื่อเดินเข้ามาประมาณ 1.2 กิโลเมตร ก็จะถึงน้ำตกผากล้วยไม้ มีป้ายเขียนเอาไว้ชัดเจน น้ำตกผากล้วยไม้นั้นลักษณะเป็นผาไม่สูงนัก ชื่อน้ำตกผากล้วยไม้นี้มาจากมีกล้วยไม้หลายชนิดเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกล้วยไม้หวายแดง ซึ่งจะออกดอกช่วงเดินเมษายน

ปกติแล้วนักท่องเที่ยวจะนิยมชมน้ำตกบริเวณด้านนอกเท่านั้น แต่หากเดินเลาะไปตามโขดหินอีกประมาณ 100 เมตร ก็จะพบน้ำตกชั้นใน ซึ่งมีความสวยงามไม่แพ้กัน และหากเดินเลาะมาตามห้วยลำตะคองเรื่อยๆ ก็จะมาทะลุถึงน้ำตกเหวสุวัตได้

น้ำตกเหวสุวัต


น้ำตกเหวสุวัตเป็นน้ำตกอีกแห่งที่สวยงามของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โดยเกิดจากห้วยลำตะคองไหลตกผ่านหน้าผาสูงราว 25 เมตร และมีแอ่งน้ำทางด้านล่างเหมาะแก่การเล่นน้ำเป็นอย่างมาก แต่ทางอุทยานแห่งชาติได้มีป้ายประกาศว่าห้ามเล่นน้ำไว้เนื่องจากกลัวอันตรายว่าจะมีน้ำป่าไหลหลากเฉียบพลัน ในฤดูฝนสายน้ำที่ตกลงมาจะเป็นละอองกระจายเต็มไปหมด ทำให้รู้สึกสดชื่นเย็นสบาย แต่หากมาในฤดูน้ำน้อย จะสามารถเดินลัดเลาะเพื่อเข้าไปยังโพรงถ้ำเล็กๆ ใต้หน้าผาน้ำตกได้

บางคนกล่าวไว้ว่า ชื่อน้ำตกเหวสุวัตนี้ เกิดจากมีโจรชื่อสุวัต หนีเจ้าหน้าที่บ้านเมืองมาจนมุมยังน้ำตกแห่งนี้ เลยตัดสินใจกระโดดลงมายังแอ่งน้ำเบื้องล่าง แต่ก็ไม่มีหลักฐานอะไรยืนยัน เป็นเพียงเรื่องเล่าต่อๆ กันมาเท่านั้น

สำหรับห้วยลำตะคองนี้ หลังจากผ่านน้ำตกเหวสุวัตแล้ว ยังมีน้ำตกเหวไทรและน้ำตกเหวประทุนที่อยู่ลึกเข้าไปอีก แต่จะต้องเดินผ่านป่าลึกฝ่าดงทากเข้าไป ควรมีเจ้าหน้าที่นำทางไปด้วยเนื่องจากในป่าลึกนั้นเส้นทางไม่ชัดเจน อาจพลัดหลงได้ง่าย

เที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่


อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ 4 จังหวัด 11 อำเภอ ได้แก่ อำเภอมวกเหล็ก อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี อำเภอปากช่อง อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา อำเภอนาดี อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี และอำเภอปากพลี อำเภอบ้านนา อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของไทย ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2505 และได้รับสมญานามว่าเป็น
"อุทยานมรดกของกลุ่มประเทศอาเซียน"

อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีเนื้อที่ปกคลุม 2,168 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย ป่าเบญจพรรณ ป่าดงดิบแล้ง ป่าดงดิบชื้น ป่าดิบเขา ทุ่งหญ้า และป่ารุ่นหรือป่าเหล่า
ป่าดงดิบชื้น ลักษณะป่าชนิดนี้เป็นป่าที่อยู่ในระดับความสูง 400-1,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล พืชพรรณมี 3,000 ชนิด,นกมี 250 ชนิดและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 67 ชนิด ซึ่งได้แก่ ช้าง เสือ ชะนี กวาง และหมูป่า พบอยู่ตามทุ่งหญ้ากว้างทั่วๆ ไป

การเดินทางมายังอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ สามารถเดินทางได้ 2 ทางดังนี้


ช้างป่าออกหากินบนถนนธนะรัชต์1. ขึ้นเขาฝั่งปากช่อง ซึ่งเป็นเส้นทางดั้งเดิม สร้างตั้งแต่ปี 2505 โดยเดินทางผ่านถนนมิตรภาพ เมื่อถึงช่วงอำเภอปากช่องจะมีทางแยกเข้าถนนธนะรัชต์ จากถนนมิตรภาพเข้ามาตามถนนธนะรัชต์ประมาณ 20 กิโลเมตรก็จะถึงด่านเก็บค่าธรรมเนียม ซึ่งใกล้กันนั้นเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ หรือปลัดจ่างผู้ปราบโจรบนเขาใหญ่เมื่อ 80 ปีก่อน โดยจากด่านเก็บค่าธรรมเนียมนี้ ต้องเดินทางไปอีกประมาณเกือบ 20 กิโลเมตรจึงจะถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เส้นทางนี้ค่อนข้างชันเมื่อเทียบกับเส้นใหม่ที่ขึ้นเขาฝั่งปราจีนบุรี สองข้างทางเป็นป่าดิบ มีดงเสือ ดงงูเห่า และดงช้างเป็นต้น ซึ่งนานๆ ครั้ง อาจเห็นสัตว์ออกมาเดินบนถนนใหญ่ โดยเฉพาะลิงซึ่งอาจมีมากเป็นร้อยตัวและมีกีดขวางการจราจร ควรใช้ความระมัดระวังในการขับรถเป็นอย่างมากเนื่องจากมีอุบัติเหตุขับรถชนลิงอยู่บ่อยๆ

2. ขึ้นเขาฝั่งปราจีนบุรี เป็นทางที่ตัดขึ้นใหม่ในปี 2525 ซึ่งหากเดินทางมาจากกรุงเทพมหานครแล้ว นับว่าสะดวกและใกล้กว่าทางฝั่งปากช่อง อีกทั้งทางขึ้นยังชันน้อยกว่าเล็กน้อย โดยขับรถมาทางถนนรังสิต-นครนายก เมื่อถึงตัวเมืองนครนายกให้เลี้ยวเข้าถนนสุวรรณศร (หมายเลข 33) ไปทางปราจีนบุรี เดินทางมาจนกระทั่งถึงวงเวียนให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนปราจีนบุรี-เขาใหญ่ ซึ่งนับจากวงเวียนนี้ จะห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวประมาณ 40 กิโลเมตร แต่หากมาจากทางนี้จะใกล้น้ำตกเหวนรกมากกว่า เส้นทางฝั่งนี้ไม่ค่อยมีสัตว์มากเท่ากับฝั่งปากช่อง แต่มีลิงมากพอๆ กัน ซึ่งควรขับรถด้วยความระมัดระวังเช่นกัน

สิ่งอำนวยความสะดวก

ที่พัก

มีบ้านพัก บ้านพักเรือนแถว และค่ายพักแรม ให้บริการแก่นักท่องเที่ยว จำนวน 4 โซน ได้แก่ โซนศูนย์บริการนักท่องเที่ยว โซนบนเขา-จุดชมวิว โซนค่ายสุรัสวดี และโซนบ้านธนะรัชต์ แต่ละโซนอยู่ห่างกันพอสมควร ดังนั้น นักท่องเที่ยวที่จองที่พัก-บริการไว้แล้ว ควรติดต่อที่เจ้าหน้าที่งานบ้านพักและบริการของอุทยานแห่งชาติซึ่งอยู่ใกล้กับศูนย์บริการนักท่องเที่ยวก่อน เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้มอบกุญแจที่พัก แนะนำเส้นทางเข้าที่พัก และคำแนะนำอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ก่อนเข้าพัก

สถานที่กางเต็นท์

มีลานกางเต็นท์ตามจุดต่างๆ และมีเต็นท์ให้เช่า การสำรองที่พักเต็นท์สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดและสำรองที่พักได้กับอุทยานแห่งชาติโดยตรง

ร้านอาหาร

มีบริการร้านอาหาร เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 07.00 - 18.00 น. ในวันจันทร์ - ศกุร์ และเวลา 07.00 - 21.00 น. ในวันเสาร์ - อาทิตย์ มีจำนวน 5 แห่ง คือ

1.บริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
2.บริเวณจุดกางเต็นท์ผากล้วยไม้
3.บริเวณจุดกางเต็นท์ลำตะคลอง
4.บริเวณน้ำตกเหวสุวัต
5.บริเวณน้ำตกเหวนรก

ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว

ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อยู่ใกล้กับที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีขนาดใหญ่พอที่จะรับนักท่องเที่ยวได้ครั้งหนึ่งไม่ต่ำกว่า 150 คน บริเวณนี้มีห้องประชุมซึ่งสามารถบรรจุคนได้ถึง 100 คน ใช้สำหรับเป็นที่ประชุมบรรยาย ฉายสไลด์และภาพยนตร์

ระบบสาธารณูปโภค

มีถนนระบบสองทางเชื่อมโยงจากการบริการ ไปยังจุดท่องเที่ยวและนันทนาการต่าง ๆ อย่างทั่วถึง ความยาวรวมกันกว่า 86 กิโลเมตร มีไฟฟ้าและน้ำประปาใช้ตลอด 24 ชั่วโมง

สุขา

มีสุขาบริการตามจุดบริการนักท่องเที่ยว และบริเวณลานกางเตนท์

วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553

เที่ยวฟาร์มโชคชัย

ฟาร์มโชคชัย นครราชสีมา ฟาร์มโคนมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย

ดื่มด่ำกับบรรยากาศแค้มปิ้งแบบบูติคในฟาร์มเลื่องชื่อที่ไม่ไกลจากเมืองหลวง เพียง 160 กิโลเมตร หรือขับรถเพียง 2 ชั่วโมง ณ ดินแดนที่ได้สมญาว่าเป็นต้นแบบคาวบอย ในเมืองไทย สัมผัสนิยามของธรรมชาติ ภายใต้การบริการระดับมาตรฐานฟาร์มโชคชัย บนผืนป่าส่วนตัวกว่า 200 ไร่ เพลิดเพลินกับกิจกรรมสารพัด สัมผัสวิถีชนบทตามแบบฉบับ ชาวตะวันตก ท้องทุ่งกว้างไพศาลของที่นี่ จะปลดปล่อยคุณให้หลุดพ้นจากวิถีของคนเมือง ผ่อนคลายกับการท่องเที่ยวเชิงเกษตร อีกรสชาติสำหรับผู้รักความแตกต่าง จะลองขี่ม้า รีดนมวัว ทำตัวเป็นคาวบอย หรือจะลองทำไอศกรีมในรสชาติที่ไม่ซ้ำแบบใคร พักแรมในแค้มป์ติดแอร์ที่สะดวกสบายเหลือเชื่อ หรือเลือกที่จะหลุดพ้นจากรูปแบบเดิมๆ ด้วยการจัดสัมมนาในห้องกลางป่ากลางฟาร์ม ก่อนกลับเก็บความประทับใจด้วยการ เที่ยวเขาใหญ่ ชมน้ำตกเหวสุวัต หนองผักชี ดูชีวิตสัตว์ป่าการได้ลองใช้ชีวิตท่ามกลาง ธรรมชาติอันบริสุทธิ์แห่งท้องทุ่งและขุนเขา คือสุดยอดนิยามแห่งความสุขของที่นี่
ฟาร์มโชคชัยเป็นฟาร์มโคนมที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในฟาร์มที่ใหญ่ที่สุดในทวีป เอเชีย เปิดกิจการการท่องเที่ยวเชิงเกษตรจนได้รับรางวัลแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรดี เด่น รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ครั้งที่ 4 ปี 2545


Restaurant

โชคชัยสเต็คเฮ้าส์ทุกสาขามีเนื้อโคขุนไว้บริการอยู่ 3 เกรด คือ ท U.S. Beef เป็นเนื้อโคสายพันธุ์ Angus นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา Chokchai Premium Beef เป็นเนื้อโคสายพันธุ์ Charolais อายุไม่เกิน 3 ปี ที่ผ่านกรรมวิธี Dry Aging ถึง 30 วัน รสชาติอร่อยไม่แพ้เนื้อนำเข้าจากต่างประเทศ Chokchai Beef เป็นเนื้อโคสายพันธุ์ American Brahman ที่ผ่านกรรมวิธี
- ห้องสัมมนา "กลางป่า", "กลางฟาร์ม" เพื่อสมาธิและความคิดสร้างสรรค์กับ Team Work
- กิจกรรม Team Building ภายในป่า
- กิจกรรมปีนเขายามเช้า ชมบรรยากาศอาณาจักรฟาร์มโชคชัย
- Outdoor Experience Cooking Workshop ร่วมทำอาหารในแบบ Bar BQ ด้วยตนเองกับพ่อครัวชั้นนำของ Chokchai Steakhouse

- ICE Cream Workshop ผลิตและปรุงแต่งรสชาติไอศกรีมด้วยตนเองภายในโรงผลิตนม Umm!...Milk และนำกลับไปเป็นของฝากแด่คนที่ท่านรัก
- Agro Touism ที่สมบูรณ์แบบที่สูดของประเทศไทย
- สัมผัสการรีดนมโคด้วยตนเองการขี้ม้า การแสดง Cowboy ฟาร์มโชคชัย
- เต้นท์ที่พักจำนวน 50 หลัง พร้อม Air Conditioning Unit และเครื่องอำนวยความสะดวกสบาย ใจกลางป่าฟาร์มโชคชัย
ค่าเข้าชม
ชาวไทย ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท ชาวต่างประเทศ ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 150 บาท หยุดทุกวันจันทร์ นอกจากนี้ยังมีบูติกแคมป์ เต็นท์ติดแอร์สำหรับผู้ที่ต้องการพักผ่อนแบบเน้นสร้างสมาธิ กลับสู่วิถีธรรมชาติสร้างความแตกต่างจากรีสอร์ทอื่น ๆ

คำแนะนำและข้อปฎิบัติในการเข้าพัก

1. การตรงต่อเวลา ในกิจกรรมต่างๆ คือหัวใจสำคัญทำให้ทุกคนมีความสุข ตลอดระยะเวลาของการ อยู่ในฟาร์มโชคชัย
2. การเคารพสิทธิของผู้อื่น อาทิ การไม่ส่งเสียงดัง โดยเฉพาะในยามวิกาล
3. งด นำรถยนต์ส่วนตัวเข้ามาในบริเวณที่พัก โดยทางฟาร์มจะมีการจัดสถานที่จอดรถไว้ให้
4. งดนำของมีค่า ยาเสพติด อาวุธ สุรา T.V. วิทยุกระเป๋าหิ้ว เข้ามาภายในบริเวณ Camp ที่พัก
5. งด ใช้กล้อง VDO ภายในสถานที่อันประกอบธุรกิจของทางฟาร์ม
6. งดสูบบุหรี่หรือรับประทานอาหารภายในเต้นท์ที่พักและขอความร่วมมือระมัดระวังการใช้ไฟเพื่อ ป้องกันปัญหาอัคคีภัย และความปลอดภัยของตัวท่านเอง
7. งด นำสัตว์เลี้ยงเข้ามาสู่ฟาร์มและ Camp ที่พัก
8. ไม่เข้าไปภายในเขตหวงห้าม และไม่ควรออกจากที่พักยามวิกาล
9. ปฏิบัติตามกฏข้อบังคับที่ทางเจ้าหน้าที่ได้ให้คำแนะนำ เพื่อความปลอดภัยและความสนุกของตัว ท่านเอง

วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สถานที่ท่องเที่ยวที่สนใจ

-ด่านเกวียน


อยู่ห่างจากตัวเมือง 15 กิโลเมตร ตามทางหลวงสาย 224 (โคราช-โชคชัย) ในสมัยโบราณตำบลนี้เป็นที่พักกองเกวียนที่ค้าขายระหว่างโคราช-เขมร มีแม่น้ำมูลไหลผ่าน ชาวบ้านใช้ดินริมฝั่งแม่น้ำมาปั้นภาชนะใช้สอย และได้ทำสืบต่อมาจนปัจจุบันนี้ นับเป็นเวลาหลายชั่วอายุคน ปัจจุบันด่านเกวียนมีชื่อเสียงมากในฐานะที่ผลิตเครื่องปั้นดินเผาได้สวยงาม มีรูปแบบที่แปลกและหลากหลาย แต่ยังคงลักษณะดั้งเดิมของกรรมวิธีในการปั้น และใช้ดินดำสัมฤทธิ์ที่มีเอกลักษณ์ของสี เป็นเครื่องปั้นแบบด่านเกวียนโดยเฉพาะไว้ นักท่องเที่ยวนิยมไปชมวิธีการผลิต และซื้อหาเครื่องปั้นดินเผาขนาดต่างๆ อยู่เสมอ


-พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย

ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองนครราชสีมา 60 กิโลเมตร ในตัวอำเภอพิมาย เชิงสะพานท่าสงกรานต์ ก่อนถึงปราสาทหินพิมาย 300 เมตร เป็นสถานที่เก็บรวบรวมหลักฐาน และจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับความเจริญรุ่งเรืองของวัฒนธรรมอีสานในอดีต โดยเฉพาะโบราณวัตถุศิลปวัตถุที่ค้นพบในเขตอีสานตอนล่าง โบราณวัตถุสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่นำมาจัดแสดงได้แก่ เครื่องปั้นดินเผาโบราณ โครงกระดูก เครื่องมือ เครื่องประดับที่ทำจากสำริดและหิน ส่วนโบราณวัตถุสมัยประวัติศาสตร์ได้แก่ ใบเสมาแบบศิลปทวารวดี ชิ้นส่วนสถาปัตยกรรมแบบเขมร เช่น ทับหลัง หน้าบัน เสาประดับกรอบประตู ทวารบาล และประติมากรรมรูปเคารพ อาทิ พระพุทธรูป เทวรูป รูปพระโพธิสัตว์ และรูปสลักศิลาพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ซึ่งพบที่ปราสาทหินพิมาย นับเป็นโบราณวัตถุชิ้นเยี่ยมของพิพิธภัณฑ์นี้ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ วันอังคารและวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. ค่าเข้าชม คนไทย 5 บาท ชาวต่างประเทศ 20 บาท


-สวนสัตว์นครราชสีมา

อยู่ห่างจากตัวเมือง 13 กิโลเมตร ใช้ทางหลวงหมายเลข 304 โคราช-ปักธงชัย ระยะทาง 12 กิโลเมตรเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 2310 ไปอีก 1 กิโลเมตร เป็นสวนสัตว์แบบกึ่งเปิดและปิด พื้นที่กว่า 500 ไร่ สัตว์ป่าที่น่าสนใจ ได้แก่ กระทิง เนื้อทราย ละอง ละมั่ง ค่าง งู แมวป่า นก กระเรียน นกยูงไทย และนกยูงอินเดีย เป็นต้น เปิดให้เข้าชมทุกวันระหว่างเวลา 08.00-16.30 น.

ของฝาก ของที่ระลึก




สินค้าพื้นเมืองของโคราชที่มีชื่อเสียงมากได้แก่ เครื่องปั้นดินเผาจากด่านเกวียน ผ้าไหม ผ้ามัดหมี่ ปักธงชัย นอกจากนี้ก็มีสินค้าประเภทอาหารพื้นเมือง เช่น หมูยอ หมูหยอง หมูแผ่น แหนม ไส้กรอก กุนเชียง และหมี่โคราช ท่านที่สนใจจะซื้อเครื่องปั้นดินเผา ควรไปเลือกซื้อโดยตรงที่ด่านเกวียน โดยเดินทางจากตัวเมืองโคราชไปเพียง 15 กิโลเมตร ส่วนผ้าไหมนั้นอาจซื้อได้จากร้านค้าในตัวเมือง แต่ถ้าอยากซื้อโดยตรงจากแหล่งผลิต คือที่อำเภอปักธงชัย มีร้านขายปลีกอยู่หลายร้าน นอกจากนั้นยังมีร้านขายส่ง ซึ่งท่านสามารถจะเข้าชมการทอผ้าไหมได้ด้วย

งานเทศกาล และประเพณี

งานเทศกาลเที่ยวพิมาย

จัดในวันเสาร์-อาทิตย์ สัปดาห์ที่ 2 ของเดือนพฤศจิกายน จัดขึ้นเพื่อเป็นการสร้างสรรค์กิจกรรมส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวหลักของจังหวัดนครราชสีมา คือ อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงเดียวกับงานประเพณีแข่งเรือพิมาย ภายในงานมีกิจกรรมหลายอย่าง เช่น การแข่งเรือยาวประเพณี การแสดงทางวัฒนธรรม ขบวนแห่พุทธราชาและพุทธประวัติ ขบวนแห่พุทธประทีปและการแสดงประกอบแสง เสียง
จัดในวันเสาร์-อาทิตย์ สัปดาห์ที่ 2 ของเดือนพฤศจิกายน เป็นงานประเพณีที่ชาวอำเภอพิมายร่วมกันจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยจะจัดในวันเสาร์-อาทิตย์ สัปดาห์ที่ 2 ของเดือนพฤศจิกายน งานนี้นอกจากจะมีการแข่งเรือของชาวบ้านจากหมู่บ้านต่างๆ ในอำเภอพิมายและอำเภอใกล้เคียงแล้ว ยังมีการตกแต่งเรือตามแบบเรือพระราชพิธี พร้อมประกวดการแห่เรือด้วย ซึ่งนับว่าเป็นงานที่น่าชมมาก

งานฉลองวันแห่งชัยชนะของท้าวสุรนารี

เป็นงานประจำปีของจังหวัด กำหนดจัดระหว่างวันที่ 23 มีนาคม - 3 เมษายน

ของทุกปี ซึ่งถือเป็นวันที่คุณหญิงโมได้รับชัยชนะจากข้าศึก ในงานมีการแสดง
ศิลปวัฒนธรรมการออกร้านจัดนิทรรศการต่างๆ ของหน่วยราชการและภาคเอกชน



การเดินทาง



ทางรถยนต์


จากกรุงเทพฯ เดินทางไปนครราชสีมาได้หลายเส้นทาง เส้นทางที่นิยมที่สุดคือ จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) แยกเข้าทางหลวงหมายเลข 2 (มิตรภาพ) ที่สระบุรี ไปจนถึงนครราชสีมา รวมระยะทางประมาณ 259 กิโลเมตร อีกเส้นทางคือ จากกรุงเทพฯ ผ่านมีนบุรี ฉะเชิงเทรา พนมสารคาม กบินทร์บุรี ปักธงชัย ถึงนครราชสีมา รวมระยะทางประมาณ 273 กิโลเมตร หรืออาจเลือกใช้เส้นทางรังสิต-นครนายก ต่อทางหลวงหมายเลข 33 ไปกบินทร์บุรี แล้วแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 304 ผ่านวังน้ำเขียว ปักธงชัย เข้านครราชสีมา


ทางรถไฟ

มีรถไฟออกจากสถานีรถไฟกรุงเทพฯ (หัวลำโพง) ไปนครราชสีมาทุกวัน รายละเอียดสอบถามที่หน่วยบริการเดินทาง การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 1690, 0 2223 7010, 0 2223 7020 http://www.railway.co.th/

ทางรถโดยสารประจำทาง

บริษัท ขนส่ง จำกัด มีรถโดยสารทั้งรถธรรมดาและรถปรับอากาศ ออกจาก สถานีขนส่งหมอชิต 2 ไปนครราชสีมาทุกวันและตลอดทั้งวัน รายละเอียดสอบถาม โทร. 0 2936 1880, 0 2936 0657 , 0 2936 2852-66 บริษัทเอกชนที่เปิดบริการเดินรถคือ บริษัท ราชสีมาทัวร์ โทร. 0 44 24 5443 กรุงเทพฯ โทร. 0 2936 1615 และ บริษัทแอร์โคราช โทร. 0 44 25 2999 กรุงเทพฯ โทร. 0 2936 2252

สถานีขนส่งที่นครราชสีมามีสองแห่งคือ สถานีขนส่งแห่งที่ 1 ถนนบุรินทร์ โทร. 0 44 24 2899, 0 4426 8899 และสถานีขนส่งแห่งที่ 2 ถนนมิตรภาพ-ขอนแก่น โทร. 0 44 25 6006-9 ต่อ 175, 176 (รถปรับอากาศ) , 178 (รถธรรมดา) http://www.transport.co.th/

กิจกรรมเที่ยวที่น่าสนใจ

ดูนกที่เขาใหญ่ นครราชสีมา

ป่าส่วนใหญ่เป็นป่าดิบแล้ง ป่าเบญจะพรรณ ป่าดิบเขาทุ่งหญ้า และป่าเต็งรัง มีนกชุกชุม กว่า 350 ชนิด ที่น่าสนใจและพบบ่อย เช่น นกขุนแผนหัวแดง (Red-headed Trogon) นกแต้วแล้วสีน้ำเงิน (Blue Pitta) นกกะ- เต็นลาย (Banded Kingfisher) นกโพระดกคอสีฟ้าเคราดำ (Moustached Barbet) นกกก (Great Hornbill) นกพญาไฟใหญ่ (Scarlet Minivet) ส่วนนกที่ค่อนข้างหายากแต่หาดูได้ที่เขาใหญ่ เช่น ไก่ฟ้า พญาลอ (Siamese Fireback) นกโกโรโกโส (Coral-billed Ground-Cuckoo) นกยางลายเสือ (Malayan Night-Heron) และนกอ้ายงั่ว (Oriental Darter) เป็นต้น จุดดูนกที่ดี ในเขาใหญ่มีดังนี้ บริเวณรอบ ๆ ที่ทำการอุทยานฯ เส้นทางเดินเท้าหมายเลข 6 (ทางมอสิงโต) บริเวณกิโลเมตรที่ 45 ผากล้วยไม้ บริเวณน้ำตกเหว-

สุวัต ทางเดินเท้า-วังจำปี-หนองผักชี ด่านช้าง และในบริเวณจุดชมวิวทางลงไป ปากช่อง ซึ่งจะพบนกได้ค่อนข้างมากกว่าจุดอื่น ๆ

การเดินทาง

ใช้ทางหลวงหมายเลข 2 สู่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครรราชสีมา แล้วเลี้ยวขวาระหว่างกิโลเมตรที่ 165 -166 ขึ้นเขาไปอีก 40 กิโลเมตร หรือใช้ทางหลวงหมายเลข 33 (นครนายก-อรัญประเทศ) ไปประมาณ 21 กิโลเมตร ถึง สี่แยกเนินหอม จังหวัดปราจีนบุรี เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 3077 ไปอีก 45 กิโลเมตร มีจุดกางเต็นท์บริเวณ ผากล้วยไม้ หรือหากไปเป็นกลุ่มคณะ อาจทำหนังสือติดต่อไปที่ส่วนอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ โทร. (02) 561-4292 ต่อ 724-5 เพื่อขอพักที่ค่ายพักเยาวชนได้

ข้อมูลทั่วไปของโคราช





นครราชสีมา หรือที่เรียกว่า “โคราช” เปรียบเสมือนประตูสู่ภาคอีสาน อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 259 กิโลเมตร เป็นเมืองใหญ่บนดินแดนที่ราบสูง ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากร และสิ่งอำนวยความสะดวกทางการท่องเที่ยว ผู้มาเยือนจะเพลิดเพลินกับกิจกรรมท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทั้งเดินป่าศึกษาธรรมชาติ พักผ่อนหย่อนใจริมอ่างเก็บน้ำ ชื่นชมความยิ่งใหญ่ของอารยธรรมขอมโบราณ และเรียนรู้วัฒนธรรมพื้นบ้าน ทั้งยังได้อิ่มอร่อยกับอาหารอีสานต้นตำรับ ก่อนกลับยังได้ซื้อหาสินค้าเกษตร หัตถกรรมพื้นบ้าน ที่มีให้เลือกอีกมากมาย

คำว่า นครราชสีมา เกิดจากการรวมชื่อเมืองโบราณสองเมือง คือ เมืองโคราชและเมืองเสมา ซึ่งอยู่ในเขตอำเภอโนนสูง นครราชสีมาเคยเป็นที่ตั้งของชุมชนโบราณหลายแห่งตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ จนถึงสมัยที่มีการเผยแพร่ของวัฒนธรรมทวารวดีและวัฒนธรรมแบบขอมเข้ามาในดินแดนแถบนี้ เคยมีฐานะเป็นเมือง “เจ้าพระยามหานคร” เช่นเดียวกับเมืองนครศรีธรรมราชทางภาคใต้ มีอำนาจปกครองหัวเมืองน้อยใหญ่ในอีสานหลายแห่ง จนมาถึงปัจจุบันก็ยังคงความสำคัญอย่างต่อเนื่อง ในฐานะที่เป็นเมืองศูนย์กลางทางด้านคมนาคม เศรษฐกิจของภาคอีสาน

จังหวัดนครราชสีมา มีพื้นที่ประมาณ 20,494 ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองออกเป็น 26 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองนครราชสีมา ปากช่อง สีคิ้ว สูงเนิน ขามทะเลสอ ด่านขุนทด โนนไทย โนนสูง ขามสะแกแสง พิมาย คงโนนแดง ประทาย ชุมพวง บัวใหญ่ แก้งสนามนาง บ้านเหลื่อม จักราช ห้วยแถลง ปักธงชัย โชคชัย ครบุรี เสิงสาง หนองบุนนาก วังน้ำเขียว เฉลิมพระเกียรติ และอีก 6 กิ่งอำเภอ คือ กิ่งอำเภอเมืองยาง เทพารักษ์ ลำทะเมนชัย พระทองคำ บัวลายและสีดา

อาณาเขต :

ทิศเหนือ ติดกับจังหวัดชัยภูมิ และขอนแก่น

ทิศใต้ ติดกับจังหวัดนครนายก และปราจีนบุรี

ทิศตะวันออก ติดกับจังหวัดบุรีรัมย์

ทิศตะวันตก ติดกับจังหวัดชัยภูมิ และสระบุรี